สร้างวัฒนธรรมองค์กร

สร้างวัฒนธรรมการประชุมที่ดีของผอ.ชาคริต ก็นึกถึง ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน เรื่องแนวคิดแบบหมวก 6 ใบ
วันก่อนผอ.ชาคริต พูดถึงลักษณะของการประชุม 4-5 รูปแบบ (จำได้รูปแบบที่ 1 กับ 2 เพราะโดนใจ) โดยผอ.มองว่า ศูนย์เครื่องมือฯบางครั้งยังเป็นในลักษณะที่ 1 คือ นิ่งเงียบ อยู่เฉยๆจะไม่มีภัย ไม่เห็นด้วยแต่ไม่คัดค้านแต่ไปพูดลับหลัง และบางครั้งเป็นลักษณะที่ 2 คือเปิดใจแต่ใช้อารมณ์ จะเอาชนะกัน เราก็มาคิดว่ามันก็มีบ้างนะแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นการประชุมในรูปแบบของทีมทำงานที่ทำด้วยกันเรารู้สึกว่าเราพัฒนาไปอยู่ที่ระดับ 3 – 4 แล้วนะ เราสนุก เราแลกเปลี่ยน เรายอมรับและคิดตาม และเราอยากประชุมกัน ก็เลยมานั่งคิดเพราะผอ.อยากให้เรามีวัฒนธรรมองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน ก็เลยนึกถึงแนวคิดหนึ่งที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมที่ดีในการประชุม แนวคิดที่ว่ามาจากผู้เขียนที่เราไปนั่งอ่านหนังสือชื่อ How to have a beautiful mind (อ่านเล่มนี้เพราะตอนนั้นกำลังเศร้า และพยายามเข้าใจองค์กร หลังจากอ่านหนังสือธรรมะมาแล้ว 1-2 เล่ม) ผู้เขียนคือ ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน เป็นปรมาจารย์ทางด้านการคิดชาวอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันทั่วโลก เขาได้ศึกษาและคิดค้นวิธีคิด (Thinking Method) เพื่อช่วยให้มนุษย์มีการคิดที่มีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ และครอบคลุมรอบด้าน ดร.เดอ โบโน ได้ยกตัวอย่างการนำวิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ มาใช้ในการบริหารองค์กร เช่นในที่ประชุมแทนที่ทุกคน จะตั้งป้อมหาเหตุผล มาหักล้างกันผู้บริหารอาจจะเริ่มให้ทุกคนสวมหมวก สีขาว คิดด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของแต่ละ คนออกมา ไม่ต้องวิเคราะห์หรือ ถกเถียงว่าข้อมูลของใครดีกว่าใคร ต่อมาถึงขั้นการคิดแบบ หมวกสีแดง ทุกคนสามารถ แสดงอารมณ์ความรู้สึกในเรื่องนั้นได้เต็มที่ จาก นั้น หมวกสีดำ ขั้นตอนของการใช้เหตุผลวิพากษ์ วิเคราะห์ ตั้งข้อสงสัย ข้อควรระวัง ตามด้วย หมวกสีเหลือง ทุกคนจะหาแง่มุมด้านบวก ของประเด็น (แม้คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องพยายามหาแง่บวก ของประเด็นนั้น ) ลำดับสุดท้ายเมื่อทุกคนสวมหมวกสีฟ้า จะเป็นการมองภาพ รวมหาบทสรุป และสำรวจความคืบหน้าของ การคิดหรือการอภิปรายที่ได้ดำเนินมาตั้งแต่ต้น เขาว่ากันว่าวิธีการแบบหมวก 6 ใบ จะทำให้เกิดการโต้เถียงในที่ประชุมน้อยลง เพราะไม่นำความคิดหลายด้านมาปะปนกัน ทำให้ช่วย ประหยัด เวลาได้มาก ดังตัวอย่างกรณีบริษัท ไอบีเอ็ม ที่นำวิธีคิดแบบนี้มาใช้ สามารถลดเวลาในการประชุมแต่ละ ครั้งได้ถึง 75 % และมีองค์กร ขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลก นำเครื่องมือการคิดดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการ พัฒนาองค์กร
  เอาล่ะ...เขียนเสร็จก็รู้สึกว่าได้เรียนรู้มากขึ้น..นึกถึงตอนที่ครูให้ลูกเอาดอกไม้ไปโรงเรียน..ลูกไปเลือกดอกไม้ที่ตลาดดันเลือกเอาดอกหน้าวัว ทั้งที่กลางคืนเรา search หาข้อมูลดอกไม้ง่ายๆเช่น กุหลาบ กล้วยไม้ ฯลฯไว้แล้ว เลยต้องโทรให้สามี search ใหม่ด่วน เพราะลูกต้องเอาไปเล่าหน้าห้อง ถึงได้รู้ว่าที่เขาชอบนำดอกหน้าวัวไปใช้ในงานศพนั้น เพราะร่องยับๆที่จานดอกนั้นเรียกว่าร่องน้ำตา..ได้เรียนรู้เพราะลูกแท้ๆ