ของขึ้น: ก้าวย่างทางเดิน ลืมเลือนคืนวัน ดั้นด้นไป ^[C]

ของขึ้น

ของขึ้น ถ้าพูดขึ้นมาลอย ๆ ก็คงจะมีคนคิดไปได้หลายอย่าง หลายความหมาย

ความหมายหนึ่งที่หลายคนคุ้นชินกันดี เกี่ยวข้องกับเรื่องของอารมณ์

ถ้าใครสักคนพูดว่าของขึ้นในความหมายของอารมณ์ก็ต้องหมายความว่าคนคนนั้นกำลังอยู่ในสภาวะของการโกรธ ไม่พอใจต่ออะไรสักอย่าง และอาจจะทำให้เกิดอาการขาดสติตามมาก็ได้

ถ้าพบเจอคนที่ของกำลังขึ้นก็คงต้องใช้วิธีการหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับของที่กำลังขึ้น ใช้วิธีที่ละมุนละม่อม นิ่มนวล เย็น ๆ เป็นน้ำแข็งเข้าลูบเข้าไล้ ให้คลายของขึ้น

เช้าวันหนึ่งเมื่อหลายวันผ่านมาแล้ว ผมเดินออกจากร้านสะดวกซื้อชั้นล่างของตึกเฉลิมพระบารมี โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผมซื้อนมขวดหนึ่งติดไม้ติดติดมือมาด้วย ออกจากร้านสะดวกซื้อส่วนมากแล้วจะแวะซื้อขนมที่ร้านด้านหน้าร้านสะดวกซื้อ

นัยว่า แบ่ง ๆ กัน

เดิมทีขนมที่ซื้อยู่ประจำ ๑ ชิ้นราคา ๑๐ บาท และได้ปรับเพิ่มขึ้นอีก ๑ บาทเป็น ๑๑ บาท วันนั้นผมกลับพบว่า ไม่ใช่ ๑๑ บาทแล้ว แต่ราคาปรับขึ้นจากเดิมขยับพรวดพราดไปจากเดิมถึง ๓ บาท กลายเป็น ๑ ชิ้นราคา ๑๔ บาท

ยังทำใจกับการปรับราคาเพิ่มขึ้นแบบพรวดพราดไม่ได้ วันนั้นเลยประท้วงด้วยการไม่ซื้อ

เมื่อวานยัง ๑๑ บาทอยู่เลยวันนี้กลายเป็น ๑๔ บาทไปซะแล้ว

ไม่นานนักหลังจากนั้นระหว่างนั่งคุยกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่สำนักงานภาควิชาเกี่ยวกับการขึ้นราคาของขนมอย่างพรวดพราด ก็ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาหารอย่างอื่นในศูนย์อาหารชั้นล่างตึกเฉลิมพระบารมีปรับราคาขึ้นไปหมดแล้ว

ก่อนเปิดเทอมภาคการศึกษาแรกของปีการศึกษา ๒๕๕๗ หลังจากที่ว่างเว้นจากการเรียนวันสุดท้ายของภาคการศึกษาที่ ๒ ของปีการศึกษา ๒๕๕๖ มานานนับ ๖ เดือน ซึ่งยาวนานกว่าปีก่อนหน้านี้ เนื่องเพราะเรากำลังปรับเปลี่ยนช่วงเวลาเรียนใหม่ นัยว่าจะให้ตรงกับนานาชาติ เพื่อต้อนรับการนำประเทศเข้าสู่ AEC

ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เป็น คนใหม่ เพื่อให้เป็น คนอื่น โดยหวังว่าจะเข้ากับระบของคนอื่นได้

ข้าง ๆ เขาที่ติดกับร้ายขายอาหารร้านที่ผมไปใช้บริการสม่ำเสมอมายาวนานปิดประกาศเป็นแผ่นกระดาษเอสี่เอาไว้แผ่นหนึ่ง

เนื้อความตามประกาศแจ้งให้ทราบว่าทางองค์การนักศึกษาได้พิจารณาอนุญาตให้ร้านค้าในโรงช้างปรับขึ้นราคาได้ โดยเฉพาะในส่วนของแกงที่มีส่วนผสมของเนื้อ หมู

จากเดิมข้าวราดแกงธรรมดา ๓ อย่างไม่เกิน ๒๕ บาทกลับกลายเป็น ๓๐ บาท

นัยว่าจะปรับเปลี่ยนราคาเพื่อต้อนรับการเข้าสู่ AEC กะเขาเหมือกัน

ชั้นล่างอาคารเฉลิมพระบารมี ผมไม่ต้องสั่ง "พิเศษ" ที่ร้านขายข้าวมันไก่อีกแล้ว เพราะแค่สั่งก็ต้องจ่าย ๓๐ บาท จากเดิมที่ต้องสั่ง "พิเศษ" จึงจะจ่าย ๓๐ บาท

ไม่กี่วันที่ผ่านมาผมเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ด้านล่างตึกเฉลิมพระบารมี เดิมมอง ๆ หานม

เอ่อ .. ว่าจะกินนมตอนเช้า ๆ ตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้กินนม เพราะอย่างอื่นก็ไม่ค่อยจะมีให้กินอย่าว่าแต่นมเลยครับ โตขึ้น ๆ พอมีพอหานมกินได้ ก็กินชดเชยตอนเด็ก ๆ ละกันครับ

ผมมอง ๆ นม แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า เอ ... เมื่อวานนี้ นม (ขวด) เล็กเท่านี้ไม่ใช่ราคานี้นี่นา มองดูนม (ขวด) ใหญ่ อ้าว ราคาก็ไม่ใช่ราคาเดิมที่ซื้อเมื่อวานนี่

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะนมขวดเล็ก นมขวดใหญ่ ราคานมปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้น เลขทศนิยมกลายเป็นยี่สิบห้าไปหมดทุกยี่ห้อแล้วครับ ไม่ก็บวกเพิ่มไปอีกยี่สิบห้าสตางค์

เดี๋ยวนี้แม้แต่นมก็ยังขึ้นราคา ขึ้นนิดขึ้นหน่อยก็ขอให้ได้ขึ้น

แบบนี้ของขึ้นเลยครับ

นี่ไม่นับว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ๒ - ๓ ครั้งในรอบเดือนนี้ ขยับขึ้นครั้งละ ๕๐ - ๖๐ สตางค์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ปรับลดราคาลงมาหลายต่อหลายครั้ง แต่การปรับลดแต่ละครั้งนั้นปรับลดลงมาครั้งละน้อย ๆ สตางค์

การปรับราคาขึ้นของน้ำมันคงต้อนรับการเข้าสู่ฤดูร้อน หรือไม่ก็การเข้าสู่ AEC เหมือนราคาของอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ที่ขยับขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว

พูดไปก็ของขึ้น

ก็ของมันขึ้นจริงนี่นา

ไม่เชื่อถามลุงดูก็ได้

อิอิอิ

เราเอง

เพลง: น้ำมันแพง
ศิลปิน: สรวง สันติ