ความเห็น: 9
ระบบราชการ...คอขวดการพัฒนา
ตอนหัวรุ่งก่อนลุกขึ้นจากเตียง นอนคิดหัวข้อเขียนบล็อกได้สัก 5 เรื่องกระมัง แต่พอถึงยามเย็นสักเรื่องก็จะไม่ได้เอา เฮ้อ! อารมณ์คนเรานี่มันช่างสำคัญเสียจริง ๆ ความรักกับความพร้อมไม่มาเวลาเดียวกันเล้ย (เรื่องเดียวกันหรือเปล่าเนี๊ยะ)
เอาเรื่องที่เก็บไว้นานจะบูดมาเขียนก่อนดีกว่า เมื่อวานแวะไปฟังศิษย์เก่าวิศวเคมีกลับมาคุยกับรุ่นน้อง มาด้วยกัน 4 คน ครั้งแรกจำไม่ค่อยได้ว่าจบไปนานแค่ไหนแล้ว เขามาเฉลยตอนหลังว่าจบไป 7 ปีแล้ว แต่ที่จริงเจอ 2 คนก่อนหน้านี้ที่งานแต่งงานน้องที่เล่นเทนนิส เขายกมือไหว้ เรารับไหว้พร้อมทำหน้างง เขาก็บอกว่าอาจารย์จำหนูไม่ได้ละสิ ผมก็พยักหน้าแล้วก็เดินออกมาเพราะคนมันเยอะและเพื่อนรอกลับด้วยกัน ในใจก็นึกว่ามันลูกศิษย์เรานี่หว่า แต่ไม่แน่ใจนักเพราะงานแต่งนี้เป็นเด็กเภสัช
ที่อยากจะเล่าก็คือทั้ง 4 คนนี้มีบุคลิกเปลี่ยนไปเยอะมาก มีความมั่นใจในตัวเองสูง บอกเล่าด้วยความมั่นใจ ไม่หน่อมแน้มเหมือนตอนที่เรียนเลย สิ่งแวดล้อมของภาคเอกชนหล่อหลอมให้เขาเป็นเช่นที่เราอยากจะเห็น เขาได้มีโอกาสแสดงฝีมือ ต้องเรียนรู้และปรับตัวเอง และทุกคนภูมิใจที่ได้เรียนที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ประสบการณ์ชีวิตสอนเขาได้ดีจริงๆ รุ่นน้องถามเขาว่า ดูอย่างไรว่าทำงานกับบริษัทนี้จะก้าวหน้าไหม เขาบอกว่าดูที่หัวหน้า หากหัวหน้ารับผิดชอบดีก็อยู่ยาวได้ หากหัวหน้าไม่รับผิดชอบก็เปลี่ยนงานดีกว่า คุณภาพของคนในองค์กรจะบ่งชี้คุณภาพองค์กรในที่สุด
เขาเล่าว่ามีระบบสอนงาน on the job training ที่ดี หัวหน้าจะรู้มากกว่าลูกน้องเสมอ ทุกคนต้องช่วยกันทำงานเพราะวัดประสิทธิภาพของหน่วยและมีผลต่อความก้าวหน้า ซึ่งต่างกับระบบราชการทุกคนหลับตาก็รู้ว่าสิ้นปีจะได้เงินเดือนเพิ่มเท่าไหร่ ทำเรื่อย ๆ ได้ 1.5 ขั้น ทำมากขึ้นอีก 2 เท่า ก็อาจได้ 1.5-2.0 ขั้น เพราะมันมีโควต้า 14.5% ของ 2 ขั้น ต้องทำแย่มาก ๆ และอยู่ท้ายแถวของหน่วยงานจึงได้ 1 ขั้น เพราะเม็ดเงินมันเหลือจึงต้องแจกให้หมด เรื่องอะไรจะไปคืนให้คณะฯหรือมหาลัย เอาไปแจกให้ใครก็ม่ายรุ๊
ระบบราชการไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ ไม่ใช่ระบบที่จะไปแข่งขันกับใครได้ (ไม่พอใจก็ไม่ทำก็ยังได้ มีข้ออ้างมากมายถมไป)
ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาซะดื้อ ๆ อย่างนี้แหล่ะครับ
ผม..เอง
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « การสร้างวัฒนธรรม….เครื่องมือในกา...
- ใหม่กว่า » บ้านที่ผู้อยู่มีความสุข (sweet h...
ความเห็น
เรียน อ. Kon1Kon ครับ มันเป็นเรื่องตลกนะครับ ที่ผมไป click ผิดในประวัติผม เพราะผมไม่ได้ใส่ชื่อกลาง และตั้งใจจะ click ให้ใช้ชื่อนามแฝง แต่ไปกดว่าใช้ชื่อกลาง มันก็เลยโชว์ chakrit <ไม่มีชื่อกลาง> tongurai ขึ้นมา ซึ่งเขาก็มองว่าแปลกดี ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นยังงี้ได้อย่างไร จนคุณเมตตาแวะมาทักทายเมื่อวาน ก็เลยรู้สาเหตุ
ครั้งหน้าเจอผมทักเลยครับ ผมก็อยากรู้จักอาจารย์มาก บ้านเราอยู่ใกล้กันนะครับ
^_^
แอบมาแปะไว้ที่นี่อีกที.....อิอิ
แหะ ๆ หนูณิชเป็นตุ๊กตาหน้ารถ แต่จำไม่ทางไม่ได้เลย
ถามคนขับแล้วก็บอกว่า ตรงไปทางถนนปุณกันฑ์ (เขียนยังไงหว่า)
"ถึงวัดอะไรสักอย่างแล้วเลี้ยวซ้ายตง 3 แยกเขากลอยหรือเปล่าหว่าแถวนั้น ซ้ายเสร็จก็ไปเรื่อย ๆ จนถึงตลาด ทางแยกขวาไปวัด ตรงนี้ถนน หายาก ต้องสังเกต รู้สึกมีป้ายบอกแล้วไปเรื่อยๆ มีทางเข้าวัดซ้ายมือ มีป้ายบอก"
แต่กว่าจะเจอ หนูณิชก็หลงเหมือนกันค่ะ
ส่วน เนื้อหาวันนี้ หนูณิช ยัง โนคอมเม้น.....แหะ ๆ
![]() |
ผมคิดว่าในกรณีคนยืนอยู่ชายแดน คนเดินขึ้นดอยเข้าไปไปสอนเด็ก เราต้องมีระบบที่ดูแลดีกว่านี้นะครับ
เราดูข้อดีในส่วนภาคเอกชนเพื่อนำมาปรับปรุงในระบบราชการว่าเขาทำอย่างไรจึงทำได้ดีกว่าเรานะครับ
![]() |
ผมคิดว่าเราเอาระบบเอกชนมาประยุกต์ได้ครับ ถ้าเราต้องการทำ ขอให้มีจินตนาการที่จะทำ ถ้าเราคิดว่ามันยากก็คงไม่มีอะไรใหม่ที่ท้าทายหรอกครับ
ผมมาทำงานที่ ม.อ. 32 ปีมาแล้ว ช่วงนั้นวิศวเคมีมีผม กับท่านอธิการบดี ผาสุข 2 คน บริษัทสหพัฒน์ฯ ส่งหนังสือแจ้งรับตัวผมเข้าทำงาน ผมตัดสินใจอยู่หลายวัน แล้วปฏิเสธ ผมทิ้งนศ.ไปไม่ได้ ผมเลือกทางเดินชีวิตเป็นอาจารย์ตั้งแต่วันนั้น คำเขียน ถ้างานราชการไม่ดีจริง ไม่มีคนสอบ กพ กันเป็นหมื่นหรอกครับ อีกอย่างผมว่า อาจารย์คงลาออกไปอยู่เอกชนนานแล้ว จริงไม๊ละครับ ^_^ ถูกเพียงส่วนเดียวนะครับ เพราะหลังจากนั้นผมพบว่าตัวเองรักอาชีพนี้ ผมคงไปอยู่ ม.เอกชนได้สบาย หรือเอาใกล้แค่ ม.วลัยลักษณ์ก็คงได้ แต่ผมไม่คิดจะไป เพราะผมมีความสุขอยู่ที่ม.อ. มากกว่า
ผมอยู่ภาคเอกชน คือทำธุรกิจส่วนตัว และทำ part time ช่วงหนึ่งด้วย และผมไม่ใช่อาจารย์ประเภทอยู่ในมหาลัยอย่างเดียว อย่างที่คุณมะม่วงดิบเข้าใจนะครับ
ผมพยายามสื่อไปว่า ระบบมันไม่เอื้อต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านะครับ ^_^
![]() |
พอจะเข้าใจในสิ่งอาจารย์พูดอ่ะนะครับ แต่ผมมองในด้านของผมอ่ะนะครับ แล้วความสุขที่มอ มากกว่า คืออะไรหรือคับ ผมวาหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นระบบแบบรชการก็ได้ ใครจะไปรู้จริงไม๊ครับ ส่วนอาจารย์จะทำอะไรส่วนตัวก็ดีครับ แต่ขออย่างเดียวอย่าเป็นอาจารย์ประเภทอาจารย์พานิชย์หากินกับเด็กนะครับ อิอิ อันนี้พูดโดยทั่วป พวกที่ใช้น้ำหลวงไฟหลวงหาประโยชน์เข้าตัวนะครับ ไม่ยากหรอกครับ ที่จะเปลี่ยนแปลงเพราะอีกไม่นาน มหาลัยจะค่อยเปลี่ยนแปลง อยู่แล้วครับ ที่นี้ก็สมใจที่อาจารย์อยากให้เป็นแล้วละครับ ยินดีด้วยนะครับ อาจารย์.....
ใน share แห่งนี้สิ่งที่สำคัญคือการให้เกียรติ (honor) แก่กัน ที่จะไม่จาบจ้วงซึ่งกันและกัน ความเห็นที่แสดงไม่มีถูกมีผิด และไม่ต้องมาต่อว่ากันด้วย ผมยึดหลัก แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างเสมอครับ
13 พฤศจิกายน 2550 19:54
#1415
ก่อนอื่น... อาจารย์คะ ตอนแรกที่จะเปลี่ยนชื่อนามแฝง เกือบจะใช้ชื่อ "คนธรรมดา" แล้วนะคะเนี่ย โดยไม่รู้ว่ามีคนใช้อยู่ก่อนแล้ว คือ อ.ชาคริต ของเรานี่เอง
เรื่องที่อาจารย์เล่าว่า ศิษย์ทุกคนภูมิใจที่ได้เรียนที่สงขลานครินทร์น่ะค่ะ Kon1Kon เคยพบกับรุ่นพี่ท่านหนึ่งอยู่ที่กรุงเทพ แล้วคุณแม่ป่วยเข้า รพ. รุ่นพี่ท่านนี้อยู่ที่ ม.ก. แต่เล่าว่า ในบรรดาคุณหมอที่ดูแลคุณแม่ทั้งหมด คุณหมอที่จบจาก สงขลานครินทร์ ดูมีจิตวิญญาณของความเป็นหมอมากที่สุดค่ะ...
ป.ล. วันนี้ขับรถผ่านเห็นอาจารย์ไกลๆ ด้วย อยากจะทักแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่า อาจารย์ยังไม่รู้จักเรานี่นา (ไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายด้วย) แต่ความที่เป็นกัลยาณมิตรกัน พอเห็นปุ๊บ reaction แรกก็คือ "..อยากจะตะโกนทักจังเลย.." ถ้าคราวหน้ามีคนหน้าแปลกๆ ทักอาจารย์ คงไม่ประหลาดใจนะคะ
^_^