ความเห็น: 6
เขาให้คนไม่เคยเขียน มาเป็นวิทยากร Share
ที่คณะฯ ของผม เขากำลังจะจัดอบรมการเขียนและใช้งาน Share อีกแล้วครับ
โชคดีที่เรามีทีมงาน KM ที่แข็งแรง ไม่ว่าผมจะบ่ายเบี่ยงยังไง (ไม่เข้าประชุมก็แล้ว อ้างว่าติดสอน ติดเก็บตัวอย่าง ติดโน่นนี่นั่นก็แล้ว)
สุดท้ายก็โดนลากมาอีกจนได้
ผมไม่ได้เขียนอะไรเลย ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังชิงเปรตในปีที่แล้ว และหลังจากกระแสนกเงือกซาไป
แรกๆ ก็เข้ามาดูทุกวัน หลังๆ ก็ห่างหายไปตามความจำเป็น -- แต่เหตุผลหลักๆ ก็คือขี้คร้าน
วง Share ของเราก็ยังไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่ก็ไม่เคยห่างหาย ผมเองก็ปรับเปลี่ยนวิธีเข้ามาอ่าน Share ไปตามสถานการณ์ ช่วงหลังๆ มักจะเข้ามาหาอ่านมาค้นเฉพาะเรื่องมากกว่า
ที่ใช้เวลากับการอ่านมากที่สุดก็คือ R และ Zotero ของเพื่อนโป้ง หรือพี่เน็กของสาวๆ -- เพราะพี่เขายาวและลึกจริง (ฮา)
ถ้าเปรียบวง Share เป็นหญิงที่รัก
ก็คงมีช่วงที่ผมรักหัวปักหัวปำ หายใจเป็นเธอ แต่พอเราเติบโตขึ้น สติกลับมาอยู่กับตัว ผมก็มองเธอด้วยสายตาที่เข้าใจขึ้น นิ่งขึ้น (รวมทั้งเฉยชา เฉยเมยขึ้น -- ถ้าจะมองในแง่นั้น -- ฮา) เข้าใจการเปลี่ยนแปลงว่าทุกอย่างเป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตามากขึ้น แต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่เคยตายไปจากความทรงจำ
กลับมาทีไรก็ยังทำให้หัวใจสั่นไหวได้เสมอ (ฮิ้ววววววว)
แล้ว Share ดียังไง?
เป็นโจทย์เดียวกับที่ผมได้รับจากทีม KM ว่านั่นคือสิ่งที่ผมต้องพูด
นอกเหนือจากต้องอธิบายว่า Share ใช้งานยังไง และให้เวลาผม 15 นาที
ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องเทคนิคว่าขั้นตอน ปุ่ม หรือเมนูต่างๆ ของ Share ทำงานยังไงสักเท่าไหร่ เพราะเรื่องพวกนี้เป็นทักษะ ทำบ่อยๆ งมเอาบ่อยๆ สักพักก็คล่อง แต่อีเรื่องโน้มน้าวให้เห็นประโยชน์ของการเขียนนี่แหละที่ผมยังหนักใจ -- เพราะตราบใดที่เรายังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเขียนไปทำไม เราก็จะยังไม่เขียนอยู่ดี
ผมไม่อยากได้คำตอบตาม pattern ว่าเราเขียนเพื่อแบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้
แต่ผมว่าเราน่าจะมองข้าม shot ไปอีกขั้นนึงได้เลย ว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จะยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพ (รวมทั้งเพิ่มความสุข) ในการทำงานของเราได้อย่างไร
ตอนนี้ผมยังนึกไม่ออกครับ
บ่ายนี้ผมอ้างว่าติดสอนดีมั้ยเนี่ย?
;-)
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « บันทึก (เคย) แนะนำ 21 พฤศจิกายน ...
ความเห็น
เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ครับ
ต้องลองถึงจะรู้
แต่ถ้าแค่ลองก็ยังเปรียบเหมือนตาบอดคลำช้าง
ต้องลูบจริง คลำจริง ลูบประจำ คลำสม่ำเสมอ
แต่อย่างที่พี่เสือท่านเล่าไว้ครับ ทำอย่างไรให้คนอยากเขียน เขียนแล้วได้ประโยชน์อะไร
เมื่อได้คำตอบแล้วว่าเขียนแล้วได้ประโยชน์อะไร ก็จะตอบคำถามที่พี่เสือเปรยไว้ที่ช่วงหลัง ๆ ของบันทึก "แต่ผมว่าเราน่าจะมองข้าม shot ไปอีกขั้นนึงได้เลย ว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จะยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพ (รวมทั้งเพิ่มความสุข) ในการทำงานของเราได้อย่างไร"
อันนี้เป็นเรื่องของ "รู้ได้เฉพาะตน" ต้องปฏิบัติ ต้องทำเท่านั้น ใครอื่นบอก เล่า ให้ฟังก็ยังคงไม่เห็นไม่รู้อยู่ดี
แต่จะทำอย่างไรให้คนเขียนนี่ซิเรื่องใหญ่
เมื่อคนเขียนแล้วจะทำอย่างไรให้เขียนต่อไปด้วยใจรักจริงนี่ซิยากยิ่งนัก
เข้าทำนอง วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก
*_^
เราเอง
- เป็นกลวิธีที่ให้อาจารย์มาร่วม และเป็นกำลังใจนะค่ะ เพราะอาจารย์ห่างหายไปเนิ่นนาน และนานจริง ๆ ตามที่อาจารย์เขียน ดังนั้นเพื่อให้การอบรมมีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสมาชิกน้องใหม่ในกลุ่มอาจารย์ค่ะ
- สรุป อาจารย์อานนท์พี่ใหญ่ จัดไปค่ะ เกริ่นตอนเปิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้ ส่วนที่เหลือ มอนลี่ และทีม จัดเต็มค่ะ
- อบรมครั้งนี้เป้าหมายหลัก คือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานมาแล้วไม่เกิน 3 ปี ค่ะ
- การจะให้มีการบันทึกอย่างต่อเนื่อง ก็ต้อง "ใจ" สั่งมาด้วย บวก กับการมีอารมณ์ร่วม ณ ขณะ และเวลานั้น ด้วยนะค่ะ
![]() |
รู้สึกว่า เราจะมาผิดงาน เขาบอกว่า ไม่เกิน 3 ปี ไม่ใช่ 13 ปี
ไม่รู้จะเขียนอะไร ก็เอาบันทึกที่อ่านแล้วชอบมา share เหมือนที่เคยทำก็ดีนะคะ พี่โอ๋ก็ออกอาการประมาณกันหรือเปล่าไม่รู้นะคะ
06 November 2012 09:17
#81674
ดีค่ะ...ให้ Monly นั่นแหล่ะสอน
อิ...อิ..
สวัสดีค่ะ...
ด้วยความคิดถึง