ปัตตานีย้อนยุค...สู่สันติสุขแดนใต้

          ...บนความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรม ศาสนา โยงใยผูกพัน เกิดความสมานฉันท์ และสันติสุข...

           ...ประวัติศาสตร์ความเป็นมา วิถีชีวิต เรื่องเล่า วัฒนธรรมประเพณี ล้วนเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวพันต่อสถานที่ ชีวิตคน หากสิ่งเหล่านี้ไม่หลงเหลืออยู่ หรือเลือนหายไป รากเหง้าของความเป็นมาตุภูมิ อัตลักษณ์แห่งความสวยงาม ความหลากหลาย ความภาคภูมิใจ ก็จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสูญเปล่า

          เป็นที่น่ายินดียิ่งครับ ที่ทางจังหวัดทั้งส่วนภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันจัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อประกาศให้ทุกภาครู้ว่าอดีตของเรามีความยิ่งใหญ่ ความสวยงามแค่ใหน เป็นอีกมุมหนึ่งแห่งความสงบ เชื่อมโยงความผูกพันธ์ เอกลักษณ์แห่งความเป็นมุสลิม มลายู พุทธ จีน ที่หล่อล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และมีเสน่ห์ของความเป็นปัตตานี สะท้อนสู่ภายนอกที่ยังไม่เห็นในอีกด้านหนึ่งของสามจังหวัดชายแดนใต้

           ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยในการจัดงานครั้งนี้ได้จัดนำขบวนแห่เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ทั้งทางบก ทางอากาศและทางน้ำ เพื่อการนำจุดเด่นของแต่ละชุมชนมาเสนอ และเชิญชวนให้ผู้ร่วมงาน ร่วมแต่งกายย้อนยุค เมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน ท่ามกลางบรรยากาศตลาดย้อนยุค และนิทรรศการวิถีชีวิต

             พี่น้องชาวปัตตานีทุกคนมาร่วมรำลึกย้อนยุควิถีชีวิตผ่านทางการแต่งกาย โดยพี่น้องมุสลิมจะแต่งชุดบานง ชุดกูหรง มีผ้าคลุมผม ส่วนพี่น้องชาวไทยพุทธก็จะร่วมกันแต่งชุดผ้าไทยพื้นเมือง เดินเที่ยวชมตลาดน้ำย้อนยุค ในอดีตปัตตานีเป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญ โดยจะมีการจำลองตลาดน้ำที่รุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต มีเรือสำเภา เรือกอและ จำหน่ายสินค้าที่ริมแม่น้ำปัตตานี

          นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ ของดีของเด่นจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจาก 12 อำเภอในจังหวัดปัตตานี ซึ่งในแต่ละริ้วขบวนจะนำเสนอความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ และของดีในท้องถิ่น เช่น ขบวนแห่นก เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนเมืองตานี

การนำมิติทางวัฒนธรรมมาใช้ในการเสริมสร้างความสมานฉันท์

บนความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นกลไกการฟื้นฟูสังคม

และสันติสุข สามารถใช้ชีวิตตามความเชื่อ ศาสนา ที่แตกต่างกัน

และทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างมีการยอมรับซึ่งกันและกันได้

อย่างสงบสุข อย่างที่เคยเป็นมา

                                                                                                  ทา ยุ