comment: 3
ทับซ้อนไม่ทับซ้อน...
- ขออ้างถึงบันทึกของลุงบันทึกนี้ ที่ได้อธิบายว่า คนที่ทำงานทับซ้อนกันนั้น อาจทำให้หน่วยงานอ่อนแอลงได้
ลุงยกตัวอย่างว่า ถ้าลุงเปิดร้านซ่อมเครื่องมือด้วย แล้วทำงานที่ศูนย์ฯ ไปด้วย อาจทำให้เกิดการเลือกที่จะทำงานให้ตัวเอง หรือ ทำงานให้หลวงก่อน หรือหนักขนาดมีการขโมยลูกค้ากันได้ระหว่างงานราษฎร์ และ งานหลวงฯเลยทีเดียว
ตนเองเป็นอีกคนที่มีงานส่วนตัว เป็นครูสอนพิเศษเคมีที่บ้าน เรียกง่ายๆ ว่า นอนทำงานที่บ้าน สบายกาย สบายใจ เลยทีเดียว
ถ้าถามว่าทำมากี่ปีแล้ว ก็บอกได้เลย ว่าพอๆ กับ งาน ม.อ. คือ 10 ปีมาแล้วที่ทำด้วยความรัก ความสุข เพราะถือว่าเป็นงานที่สร้างรายได้ และ ได้พักผ่อนไปในตัว กับการยืนสอน นั่งสอน นอนสอนเด็กๆ วันละ 8 ชั่วโมง
เรามีความสุขที่ได้พักผ่อนด้วยการถ่ายทอดความรู้ที่เรามี ได้เล่าเรื่องตลกๆ ทำตัวบ๊องๆ ไปกับเด็กๆ ได้พัฒนาตนเองผ่านคำถามแปลกๆ และยากๆ ของเด็กๆ ได้ฝึกฝนตนเองให้ใจเย็นเมื่อต้องอยู่กับเด็กที่บางครั้งเหมือนจับปูใส่กระด้ง และได้ฝึกฝนการพูด การอธิบาย การเล่าเรื่อง การแก้ไขปัญหา การปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งล้วนส่งเสริมการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร ประสานงาน สันทนาการ หรือ พิธีกร ในที่ทำงาน (ม.อ.) ได้ดีขึ้นด้วย
สิ่งที่ต้องแลกกันบ้าง คือ เวลาที่เราต้องทำงานมากขึ้น ทั้งงานราษฎร์และงานหลวง เวลาพักผ่อนน้อยลง แต่ก็แล้วแต่ละคนจะคิด ว่าการพักผ่อนคืออะไร เพราะหากการทำงานพิเศษเป็นการพักผ่อนไปด้วย ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
ส่วนเรื่องงานใน ม.อ. เราก็ตั้งใจทำตามปกติ ปกติจริงๆ ที่ทำผลงานมา มันไม่ได้หนักหนาหรือเหนื่อยอะไรเลย ถ้าเราทำด้วยความสนุก และ กระหายที่จะสรา้งสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือ ให้ดีกว่าเดิมเสมอ มันก็จะมีความสุขและทำได้ดีเอง
สรุป ไม่ทับซ้อนนะลุง (สำหรับตัวเอง) เพราะหากทับซ้อนอีก ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว เพราะเรายังมีเวลาทำงานบ้าน เวลาออกกำลังกาย และก็เลี้ยงลูก ที่ต้องทำอยู่ทุกวันด้วยเหมือนกัน อิอิ ลองทำดู ให้วันนึง เหมือนมีเวลามากกว่า 24 ชม.
คติประจำบันทึก: หากเราจัดการเวลา ขั้นตอนการทำงานและการใช้ชีวิตได้ เราก็เหมือนมีเวลามากกว่าวันละ 24 ชม.
เอิ้ก เอิ้ก
"ใจสั่งมา"
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « แง่คิดที่ได้รับ จาก การบรรยายพิเ...
- ใหม่กว่า » องค์กรต้องการทั้งคนเก่งและคนดี
05 ตุลาคม 2558 18:44
#103985
สมควรให้ถ้วย แบบอย่างด้านการจัดการเวลา ...